สวัสดี

สวัสดีทุกท่านครับ เราจะเป็นสถานที่ๆรวบรวมบทความน่าสนใจที่สร้างมุมมองที่สดใหม่ในการลงทุน เพื่อลับความคมของการลงทุนให้เฉียบ คม เพื่อสร้างพอร์ตโพลิโอไปสู่เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านครับ

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เอาบทความมาฝากให้อ่านกันครับ เกี่ยวกับเรื่อง Business Model

บทความนี้เป็นบทความที่ผมเขียนเองเมื่อปลายปี 2010 ครับ โดยส่วนตัวผมมองว่า Business Model เป็นอะไรที่ทำให้เราสามารถแยกบริษัทที่เป็น ซุปเปอร์บริษัท ออกจากบริษัทที่เป็นบริษัทธรรมดาๆ ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูราคาประกอบด้วย ว่ามันยังน่าลงทุนหรือป่าว ลองอ่านกันดูครับ ผิดถูกประการใดก็ช่วยกันวิจารณ์หน่อยนะครับ :D


Girls' Generation, Business Model and Investment

สวัสดีครับทุกคน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยเหลือเกินครับ ไปไหนมาไหนก็อย่าลืมพกร่มติดตัวไว้นะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมามีเรื่องเกี่ยวกับวงการบันเทิงเกิดขึ้นมากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฟิล์มกับแอนนี่ แล้วก็เรื่องธัญญากับเป็ก แต่ละเรื่องพูดตรงๆแล้วไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรซักเท่าไร จะว่าไร้สาระก็ว่าได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถนำมาเป็นบทเรียนได้ว่า จะทำอะไรก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ มองยาวๆ เข้าไว้ มีความสุขในระยะสั้นแต่มีความทุกข์ในระยะยาวก็ไม่ไหวนะครับ

วันนี้ผมอยากจะพูดเรื่องๆ นึงที่เกิดขึ้นจากความสนใจส่วนตัว แต่มันเกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น หรือธุรกิจส่วนตัว คนที่รู้จักผมเป็นการส่วนตัวคงจะงงว่า ทำไมผมถึงได้ไปสนใจวง K-Pop เกาหลีอย่าง Girls' Generation หรือ โซน ยอ ชิ แด ในภาษาเกาหลี ซึ่งเวลาแปลเป็นไทย ก็จะแปลว่า ยุคสมัยของวัยสาว ฮ่าๆๆๆ เสี่ยวไม่ใช่เล่นเลยนะครับ ผมว่าตอนที่สังกัดของพวกเธอตั้งชื่อนี้ให้ พวกเธอคงกระอักกระอ่วนใจไม่ใช่เล่นแน่ๆเลย

เหตุที่ผมรู้จักและสนใจวง GG นี้ก็เป็นเพราะว่า ช่วงปลายปีที่แล้ว ผมมีโครงการจะซื้อทีวีใหม่ ผมเลยไปแวะที่แผนก Power Buy บ่อยๆครับ และก็ไปดูว่ายี่ห้อไหนน่าสนใจ และราคาพอสมควร ไปบ่อยซะจนแฟนผมเบื่อเลยอะครับ ตอนแรกๆที่ผมไปผมก็เน้นที่ยี่ห้อญี่ปุ่น อย่างเช่น Panasonic Sony Sharp Toshiba พอหลังจากนั้น ผมก็มาเน้นที่ยี่ห้อของเกาหลีอย่างเช่น Samsung LG เพราะผมมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เกาหลีกำลังทำตอนนี้ คล้ายๆกับสิ่งที่ญี่ปุ่นเคยทำกับอเมริกาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว นั่นก็คือทำของที่คุณภาพสูสีกัน แต่ราคาถูกกว่า แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้จักและจำแบรนด์ LG ได้อย่างแม่นยำ นั่นก็คือ Music Video ของวง Girls' Generation ครับ เพลง Gee


Attachment:

20091112_gee.jpg
20091112_gee.jpg [ 70.7 KiB | Viewed 5489 times ]


สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่เพราะว่าหญิงสาวหน้าตาน่ารัก 9 คนนะครับ เริ่มแรก ผมรู้สึกว่ามิวสิควีดิโอเพลงนี้ มีสีสรรที่งดงามมากๆ สามารถดึงดูดความสนใจจากคนที่ได้เห็นมากๆเลย แต่สิ่งที่เข้ามาหัวของผมก็คือ "ทำไมวงนี้สมาชิกมันเยอะแบบนี้เนี่ย มีตั้ง 9 คน เวลาจะคิดท่าเต้น เวลาซ้อมคงยุ่งตายเลย การบริหารจัดการก็คงจะยุ่งยากมาก และที่สำคัญ เวลาได้เงินมาต้องหาร 9"

หลังจากที่มีเรื่องติดค้างในใจ ด้วยนิสัยของผมก็ต้องหาข้อมูลครับ เริ่มแรกผมก็หาข้อมูลด้วย Wikipedia ก็ได้รู้ว่าพวกเธอที่มารวมกัน ต้องผ่านการคัดเลือกที่มหาหินและต้องเป็นเด็กฝึกหัดของทางค่ายอีกหลายปี บางคนต้องเป็นเด็กฝึกถึง 7 ปีกว่าจะได้เปิดตัว ต้องยอมรับเลยว่าคนเกาหลีนี่อึดจริงๆ หลังจากนั้น ผมก็หาข้อมูลเป็นรายบุคคลเลย เพราะว่าข้องใจมากๆว่าทำไมถึงต้องมีเก้าคน พอหาข้อมูลที่ลึกลงไปก็ได้พบว่า พวกเธอแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะตัวและบุคลิกที่แตกต่างกัน ท่านผู้อ่านก็คงคิดในใจว่า มันก็แหงอยู่แล้ว ถ้าเหมือนกันแล้วจะเอามาหลายคนทำไม ผมก็คิดเหมือนกันครับ ผมก็เลยศึกษาข้อมูลให้ลึกเข้าไปอีกครับว่ามันเป็นเพราะอะไร ผมก็มาได้ข้อสรุปว่า นักร้องเกาหลีเค้าไม่ได้ร้องเพลงอย่างเดียว ไม่ได้แสดงคอนเสริต์อย่างเดียว แต่ที่เกาหลีมีเกมส์โชว์เยอะมากๆเลย เยอะแบบเยอะจริงๆอะ อันไหนที่ rating ไม่ค่อยดี เค้าเอาออกเลยครับ ไม่มีการมารอเป็นปีๆ และพวกเธอก็สามารถกระจายกันไปออกรายการต่างๆ ที่เหมาะกับบุคลิกและลักษณะของเธอ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้วง Girls' Generation สามารถเจาะไปที่กลุ่มเป้าหมายได้หลายกลุ่มเลยครับ และทำให้ Brand Girls' Generation แข็งแรงมาก เป็นการทำการตลาดที่ฉลาดมากเลยครับ

ทีนี้ มาโยงเข้าเรื่องการลงทุนได้แล้วครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมได้ลงทุนในตลาดหุ้นมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ปีนี้ก็เป็นปีที่ 8 แล้วครับ ได้เจอตลาดมาแทบทุกแนวแล้ว ทั้งตลาดกระทิงดุสุดๆ ตลาดหมีไอซียูก็เจอมาแล้ว พอผมมาคิดเรื่องที่ผมได้หาข้อมูลและทำความรู้จักกับวง Girls' Generation ผมก็มาคิดว่าถ้าใครที่คิดจะลงทุนในตลาดหุ้นหรือจะทำธุรกิจส่วนตัวก็ตาม ก็ควรจะหาข้อมูลแบบที่ผมทำกับวง Girls' Generation ครับ เพราะว่าการลงทุนในตลาดหุ้น พูดตรงๆแล้วก็มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างมาก แต่จะว่าไปความเสี่ยงก็มีอยู่ทุกที่นะครับ ขนาดผมนั่งเฉยๆ รถมันยังพุ่งมาชนผมเองเลย สิ่งที่เราต้องทำคือลดความเสี่ยงครับ หรือพูดง่ายๆคือ "เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่รู้ ให้กลายเป็นสิ่งที่เรารู้" เพราะความเสี่ยงก็คือสิ่งที่เราไม่รู้นั่นเอง เวลาผมจะซื้อหุ้นสักตัว ผมก็จะหาข้อมูลค่อนข้างมากครับ เพราะเป้าหมายในการซื้อแต่ละครั้งของผมนั้น ค่อนข้างที่จะใหญ่ นั่นก็คือกำไรอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว แต่จากที่ผมได้สัมผัสและได้รู้มา คนส่วนใหญ่ซื้อหุ้นกันแบบเก็งกำไร คือไม่รู้หรอกว่าหุ้นตัวนั้น เบื้องหลังแล้วทำธุรกิจอะไร และธุรกิจนั้นๆ ทำเงินได้อย่างไร พอซื้อหุ้นแล้วหุ้นลงก็ไม่ยอมขาย กลับบอกว่าซื้อลงทุน ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว กำไรแค่ 1 -2% ก็เผ่นแล้ว

ในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ เป็นปีที่ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจมีความผิดปกติมากจริงๆครับ เวลาลงก็ลงแบบเขื่อนแตกเลย เวลาขึ้นก็ขึ้นแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเช่นกัน ใครที่เล่นหุ้นใน 2 ปีที่ผ่านมานี่ ก็คงจะยิ้มกันแก้มปริ เพราะว่าทำเงินกันง่ายเหลือเกิน สิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มลงทุนในหุ้นในปี 2009 เพราะเส้นทางที่ท่านเดินมันโรยด้วยกลีบกุหลาบครับ แถมโรยไว้อย่างหนาเลยด้วย ผมอยากจะเตือนว่าตลาดแบบนี้มันไม่ได้มีบ่อยๆหรอกครับ และก็ไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร แต่ผมว่ามันคงอีกไม่นานมากแน่นอน เพราะว่าถ้าตลาดเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่มีใครมานั่งทำงานให้เมื่อยแล้ว เล่นหุ้นดีกว่า (คือระยะยาวผมยังมองว่ามันดีนะครับ แต่ต้องดูเป็นรายตัวไป แต่ระหว่างนั้น มันคงไม่ขึ้นตลอดแบบช่วงที่ผ่านมา ถ้ากะว่าจะลงทุนระยะยาวและทนแรงเสียดทานไหวก็เยี่ยมมากครับ)

ผมเคยคิดมาเสมอว่า ถ้าผมมีหลักการหรือ Model ที่ทำให้รู้จักหุ้นที่ผมสนใจก็คงจะดี เพราะไม่งั้นเวลาหาข้อมูลแต่ละที มันค่อนข้างที่จะเยอะและ organize ลำบากครับ แต่ผมก็โชคดีที่ผมมาเจอหนังสือเล่มนึง ชือว่า Business Model Generation ซึ่งแต่งโดย Dr.Alexander Osterwalder ทีร้าน Kinokuniya ชื่อหนังสือก็ดันไปคล้ายๆกับวง Girls' Generation ซะอีก ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ และ Model ในการออกแบบและศีกษา Business Model ก็ดันมี 9 ปัจจัย อีกเช่นกัน มีหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ


Attachment:

Business model canvas0001.JPG
Business model canvas0001.JPG [ 90.43 KiB | Viewed 5489 times ]


ใน 9 ช่องนี้จะแบ่งได้ดังนี้ครับ

1. Customer Segments - ลูกค้ากลุ่มไหน หรือองค์กรไหนที่บริษัทนั้นๆกำลังรับผิดชอบอยู่ หรือมีแผนที่จะเจาะเข้าไป เช่น เด็ก สตรี คนชรา หรือทุกคน

2. Value Propositions - อะไรคือสิ่งที่บริษัทนี้ สามารถเสนอประโยชน์ หรือ solution ในการแก้ปัญหาของลูกค้า อย่าง Skype ก็คือให้คนคุยกันผ่านคอมพิวเตอร์โดยไม่เสียเงิน เสียแต่ค่า internet

3. Channels - บริษัทนี้ ใช้ช่องทางไหนในการส่ง Value proposition ของเค้า ไปสู่ Customer segments ของเค้า อย่าง Apple ก็ใช้ iTune เป็น Channel ในการส่ง เพลง หรือ application ถึงกลุ่มเป้าหมายของเค้า

4. Customer Relationships - ระดับความสัมพันธ์และจุดประสงค์ที่บริษัทนั้นๆ ต้องการสร้างกับกลุ่มลูกค้า ซึ่งแต่ละระดับความสัมพันธ์และจุดประสงค์ ก็จะมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน อย่างเช่น บริษัท KTC ต้องการให้คนเปลี่ยนมาใช้บัตร(customer acquisition) KTC ก็จะเสนอฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีวิต และต้องการให้คนใช้บัตร KTC ไปนานที่สุดเท่าที่จะจะทำได้(customer retention) ก็คือ KTC forever reward

5. Revenue Streams - เงินเข้ามาที่บริษัทนี้ได้อย่างไร อย่าง AIS ก็คือค่าใช้งานโทรศัพท์ ค่า SMS ส่วนแบ่งรายได้จากค่าธรรมเนียม mPay

6. Key Resources - ทรัพย์สินไม่ว่าจะในทั้ง Current asset, Long-term asset, Machine, Human, Brand, Patent, Platform ที่ทำให้ Business model นั้นๆมันทำงานได้ และทำให้สามารถสร้าง Value proposition ของบริษัทนั้นๆขึ้นมาได้ อย่าง คุณตัน ภาสกรนที คือ Key resource ของ Oishi (ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็น ichitan แล้ว)

7. Key Activities - สิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่บริษัทนั้นๆต้องทำ เพื่อทำให้ Business model นั้นๆใช้การและทำงานได้ อย่างเช่น สิ่งที่ Major Cineplex ต้องทำก็คือฉายหนังให้เราดู ใบระบบเสียงที่ดีมากและมีการตบแต่งที่น่าดู และสิ่งที่ Amazon.com ต้องทำก็คือ บริหารระบบ supply chain management ให้ดีที่สุด ให้ถึงมือลูกค้าให้เร็วที่สุด ในราคาที่ถูกที่สุด

8. Key Partnerships - เครือข่ายต่างๆ หุ้นส่วนทางการค้าต่างๆ ซัพพลายเออร์ต่างๆ องค์กรต่างๆ ที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกิจของบริษัทนั้นๆที่จะทำให้ business model นั้นๆ ทำงานได้ดีและราบรื่น และระดับความสัมพันธ์นั้น ก็ยังแบ่งออกไปได้หลายแบบอีก เช่น การร่วมมือกันระหว่างกลุ่มที่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน การร่วมมือกันของคนที่เป็นคู่แข่งกัน การร่วมมือแบบ buyer-supplier และการร่วมมือแบบ Joint Venture อย่างเช่น 7-11 เป็น Key Partnership ของปั๊มน้ำมัน PTT ซึ่งเป็นการร่วมมือแบบไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน และบริษัท Electronic บางบริษัทก็ไป Joint venture กับบริษัทใน Taiwan เพื่อทำให้ระบบ supply chain มีความมั่นคงมากขึ้น

9. Cost Structure - ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจนั้นๆ ซึ่งจะทำให้ business model นั้นๆทำงานได้ ก็อย่างเช่น เงินเดือน ค่าวัตถุดิบ ค่า bandwidth ค่าประกันภัย ค่าลิขสิทธิ์ ค่าเช่า อะไรก็ตามที่ขึ้นด้วยคำว่า ค่า อะครับ

ใน 9 ปัจจัยนี้ เป็นอะไรที่เราจะต้องรู้นะครับ ถ้าเราจะลงทุนในตลาดหุ้นหรือธุรกิจส่วนตัว มันจะทำให้ความเสี่ยงของท่านลดลงไปมากๆ ทุกวันนี้เรามี internet และ social media ที่ดีมากๆ ไม่ต้องกลัวว่าสิ่งที่เราวิเคราะห์ในแต่ละปัจจัยนั้นจะผิด เราสามารถช่วยกันตรวจสอบ แก้ไข และเพิ่มเติมได้ ถ้าท่านไม่รู้จักบริษัทที่ท่านจะลงทุน ในระยะยาวแล้วโอกาสขาดทุนแบบกระเป๋าฉีกมีสูงมากเลยครับ

ที่ผมต้องเน้นมากเหลือเกินในเรื่อง Business Model เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จะทำให้เรารู้ได้ว่า บริษัทพื้นๆ กับซุปเปอร์บริษัทนั้น แตกต่างกันอย่างไร งบการเงินและสัดส่วนทางการเงินต่างๆก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกันครับ

ผมเลยอยากแนะนำให้ท่านทั้งหลายทำเป็นขั้นๆดังนี้นะครับ

1. เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ท่านสนใจลงทุนก่อน
2. เลือกบริษัทที่่ท่านสนใจในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ
3. เขียนปัจจัยต่างๆในแบบฟอร์ม Business Model ของบริษัทนั้นๆในตารางให้ครบ
4. ทำตารางสัดส่วนทางการเงินของบริษัทนั้นๆ


Attachment:

financial ratio0002.JPG
financial ratio0002.JPG [ 92.25 KiB | Viewed 5489 times ]


5. เอาแต่ละบริษัทที่เราทำ Business Model และ Financial Ratio มาเปรียบเทียบกันดู และเลือกบริษัทที่เราคิดว่าดีและเหมาะกับจุดประสงค์ในการลงทุนของเรามากที่สุดครับ

5.1 เราจะตัดสินว่าบริษัทน่าสนใจในการลงทุนโดยดูจาก Business Model ครับ ถ้ามี Business Model ที่แข็งแกร่ง ก็ถือว่าผ่าน

5.2 Financial Ratio จะเป็นตัวบอกว่า บริษัทที่ท่านคิดว่ามี Business Model ที่เข้มแข็งนั้น มันยังถูกอยู่ หรือว่าแพงเกินไปที่จะลงทุนแล้ว ถ้าหุ้นดี แต่ราคาแพงเกิน ก็อย่าไปสนใจครับ เหมือนทองคำนะครับ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าทองคำเป็นทรัพย์สินที่ดีน่าเก็บสะสม แต่ถ้าต้องซื้อที่บาทละ 40,000 บาท ก็ไม่ไหวนะครับ และ Business Model ที่เราคิดว่าดีและแข็งแกร่งนั้น สามารถทำกำไรให้บริษัทได้ดีอย่างที่เราคิดหรือป่าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยากให้ทำ Financial Ratio ย้อนหลังด้วย จะได้ดูการเปลี่ยนแปลงของการดำเนินงานของบริษัทนะครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพยายามจะนำเสนอจะพอมีประโยชน์กับท่านผู้อ่านบ้างไหม ยิ่งท่านรู้จักสิ่งที่ท่านสนใจมากเท่าไร ประโยชน์ก็จะมากขึ้นไปตามกันเลยครับ วงดนตรี K-Pop อย่าง Girls' Generation ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำอะไรสักอย่างให้มันมีระเบียบและระบบได้นะครับ ตัวผมเองในตอนแรก ไม่เคยสนใจอะไรที่เกี่ยวกับเกาหลีเลยแม้แต่น้อย แต่พอได้ศึกษาหาข้อมูลอย่างเจาะลึก ก็ทำให้รู้ได้ว่าเกาหลี เป็นชาติที่ทำงานกันหนักและจริงจังมากๆ ประเทศของเค้าถึงได้เจริญอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง

ผมหวังว่าการนำ Model ในการสร้างวง Girls' Generation รูปแบบ Business Model Generation ของ Dr.Alexander รวมไปถึงการทำงานหนักและจริงจังของคนเกาหลี มาประยุกต์กับการลงทุน จะทำให้ทุกท่านได้รับผลตอบแทนที่ดี ปลอดภัย และมั่นคงครับ


เครดิต batigoal
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=35&t=51308

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น