เคล็ดลับวิเคราะห์หุ้น สูตร ปีเตอร์ ลินช์
นอกจากเทคนิคที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนแล้ว ปีเตอร์ ลินช์ ยังมีวิธีที่จะดูว่าบริษัทนี้มีค่าน่าสนใจแค่ไหน โดยดูจาก รายได้ กับ สินทรัพย์ ถ้าหากนักลงทุนมองเห็นคุณค่าของหุ้นก่อนตัดสินใจซื้อโอกาสผิดหวังก็จะน้อย
การวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้นอยู่บนพื้นฐานของรายได้ และสินทรัพย์ที่เหมาะสมหรือไม่นั้น ตัวหนึ่งที่ต้องดู คือค่า พี/อี เรโช ซึ่งควรจะต่ำกว่าอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าหาก พี/อี เรโช ของบริษัท โคคา-โคลา เท่ากับ 15 เท่า คุณก็ตั้งความหวังง่ายๆ คือ บริษัทต้องเติบโตปีละ 15% ถ้าพี/อี เรโชต่ำกว่า 0.5 เท่า ของการเจริญเติบโต ถือว่าเป็นกิจการที่น่าสนใจมาก
แต่หาก พี/อี เรโช ของบริษัท โคคา-โคลา เท่ากับ 30 เท่า แต่กำไรเติบโตขึ้นปีละ 15% ถ้าพี/อี เรโช สูงกว่า 2 เท่าของการเจริญเติบโต ควรขายหุ้นทิ้งในความคิดของนายลินช์ ไม่ได้หมายความว่าการซื้อหุ้นที่มี พี/อี เรโช ต่ำจะกำไรเสมอไป
ทำไมคนจึงชอบหุน พี/อี เรโช สูง นายลินช์บอกว่า ก็เพราะว่านักเล่นหุ้นยอมจ่ายเงินแพงขึ้นเพื่อ ซื้ออนาคต ของหุ้นตัวนั้น ซึ่งหมายถึง การเติบโต หุ้นที่ควรจะมี พี/อี เรโช สูง จึงควรจะเป็นหุ้นที่อยู่ในช่วงของการเติบโต ขณะเดียวกัน หุ้นที่มี พี/อี เรโช ต่ำ จะเป็นหุ้นประเภทโตช้า ถ้าเป็นหุ้นวงจร พี/อี เรโช จะสูงๆต่ำๆ บางช่วงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
สูตรของนายลินช์ การศึกษา พี/อี เรโช ให้ถ่องแท้ต้องดูย้อนหลังหลายๆปี เพื่อหาค่าพี/อี เรโช ปกติของธุรกิจแล้วนำมาเปรียบเทียบกับการเติบโตของหุ้นตัวนั้น แต่ข้อสังเกตที่สำคัยของแกก็คือว่า ถ้าเราจะซื้อหุ้นที่มี พี/อี เรโช สูง (กว่าค่าเฉลี่ยมากๆ) ต้องไม่ใช่หุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง เพราะสามัญสำนึกของนายลินช์แกบอกว่าหุ้นพวกนี้ จะทนแรงเสียดทานของการแข่งขันได้ไม่นาน จำง่ายๆ ว่า จงหลีกเลี่ยงหุ้นที่มี พี/อี เรโช สูงเกินไป
ข้อสังเกตของปีเตอร์ ลินช์ น่าสนใจทีเดียว ถ้าหากว่าเราสังเกตว่าหุ้นตัวไหนราคากำลังพุ่งสูงขึ้นไปอย่างมากมาย เมื่อเทียบกับโอกาสที่จะทำรายได้ อย่างเป็นกอบเป็นกำ ก็ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่างานนี้คงเจอ ปั่นหุ้น เข้าให้แล้ว เพราะราคาที่ขึ้นไปไม่สมเหตุสมผล ภาพที่เห็นจึงเป็น ภาพลวงตา อย่าเพิ่งตาลุกกับหุ้นประเภทนี้
บางครั้ง นายปีเตอร์ ลินช์ ที่ใครต่อใครเรียกแกว่าเซียนเหนือเซียนก็ยังจนด้วยเกล้าที่จะทำนายทิศทางกำไรของหุ้น แกก็เลยบอกว่าเอายังงี้ก็แล้วกัน เราพอจะคาดเดาการเพิ่มของ รายได้ โดยดูจากพื้นฐาน 5 ประการ คือ
หนึ่ง บริษัทนี้มีแผนลดค่าใช้จ่ายหรือไม่
สอง บริษัทนี้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นรึไม่
สาม บริษัทนี้มีแผน่ขยายฐานลูกค้ารึไม่
สี่ บริษัทขยายฐานลูกค้าในตลาดเดิมอย่างไร
ห้า บริษัทนี้มีวิธีจัดการกับบริษัทในเครือที่ขาดทุนอย่างไร
ทุกครั้งก่อนที่คุณตัดสินใจซื้อหุ้น นายลินช์แนะนำว่า คุณต้องถามตัวเองให้แน่ใจว่าทำไมถึงซื้อหุ้นตัวนี้...? โอกาสที่บริษัทจะประสบความสำเร็จมีสูงเพียงใด...? และโอกาสที่จะล้มเหลวมีมากเพียงใด...? ถ้าหุ้นตัวไหนไปคุยกับใครก็รู้จักหมดอย่านี้โอเค แต่ถ้าหุ้นตัวไหนคุยกับใครก็ยังไม่รู้ว่าทำกิจการอะไร หุ้นแบบนี้นี่แหละจะเป็นปัญหา
จากประสบการณ์สอน นายปีเตอร์ ลินช์ ว่า ถ้าเป็นหุ้นโตช้า คุณอย่าไปหวังอะไรมากให้นอนรอกินเงินปันผล แล้วได้ปันผลเท่าไรจึงจะคุ้ม
ลินช์ให้แง่คิดว่าลงทุน 10 ปีต้องคุ้ม (คิดว่าต้องปันผลปีละ 10% ขึ้นไป) ถ้าเป็นหุ้นประเภทวงจร ต้องรู้ว่าวงจรของธุรกิจกี่ปี ต้องซื้อตอนวงจรเริ่มขึ้น ถ้าเป็นหุ้นยักษ์ใหญ่ต้องดู พี/อี เรโช ต่ำๆ เข้าไว้ ถ้าเป็นหุ้นตีกลับต้องดูการปรับตัวของธุรกิจ ถ้าเป็นหุ้นโตเร็ว ต้องดูว่าจะโตไปทางไหน ถ้ากำลังโต และไม่มีหนี้สิน อย่างนี้โอเคปลอดภัย
ความสำเร็จของนายลินช์ ว่ากันว่า เป็นเพราะนิสัยของแกเองที่จัดอยู่ในกลุ่มมนุษย์เควชั่นมาร์ค(?) หรือพวกขี้สงสัย
วิธีการหาข้อมูลจากโบรกเกอร์ นายลินช์ ชี้แนะว่า อย่าหลับหูหลับตาเชื่อ เราเสียเงินค่าคอมมิชชั่นให้แล้วต้องใช้งานให้คุ้มค่าหน่อย อย่างแรกต้องถามว่า หุ้นที่โบรกเกอร์แนะนำเป็นหุ้นประเภทไหน โตช้า โตเร็ว หรือ หุ้นวงจร ถ้าเขาบอกว่าเป็นหุ้นโตเร็ว ก็ถามต่อว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โตเฉลี่ยปีละเท่าไร
เท่านั้นยังไม่พอ ให้ถามต่อไปอีกว่า พี/อี เรโช ย้อนหลัง 3 5 ปีของหุ้นตัวนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณกี่เท่า แล้วสภาพตลาดตอนนี้น่าซื้อหรือไม่ ราคาที่คุณบอกขึ้นมามากแล้วหรือยัง ฐานะการเงินบริษัทนี้เป็นอย่างไร มีหนี้มากมั้ย และก่อนที่จะซื้อยังจะต้องถามอีกว่าไอ้ที่คุณบอกมาทั้งหมดลองสรุปซิว่า ทำไมถึงคิดว่าหุ้นตัวนี้น่าซื้อ
ถ้าเหตุผลเป็นว่า มีข่าววงในว่ารายใหญ่กำลังเข้าเก็บ หรือ สัญญาณทางเทคนิคกำลังสวย อย่างนี้ถอยดีกว่า แสดงว่ามาร์เก็ตติ้งของคุณไม่ได้ทำการบ้านเลย
ปีเตอร์ ลินช์ ยังแนะนำอีกว่า เวลาเจาะข่าวผู้บริหาร อย่าไปถามว่าเป็นไงครับปีนี้มีข่าวดีอะไรบ้าง? แสดงว่าคุณไม่มี กึ๋น ให้ถามว่ายอดขายปีนี้โตขึ้นบ้างรึเปล่าครับ ตอนนี้ส่วนแบ่งตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไรแล้ว จริงมั้ยครับที่มีข่าวว่า ช่วงนี้สินค้าขายดีมาก หรือได้ยินข่าวว่าปีนี้จะลดภาระหนี้สินลงใช่มั้ย เราตั้งเป้าเหลือเท่าไร หรือว่าปีนี้จะขยายโรงงานมีแผนต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นมากมั้ย
อีกวิธีหนึ่งที่นายลินช์ บอกว่าสำคัญ คือ การอ่านรายงานประจำปีของบริษัท แกเน้นให้ดูที่งบดุล ในส่วนของทรัพย์สิน และหนี้สิน บริษัทที่ดีทรัพย์สินต้องเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกระแสเงินสด และหนี้สินระยะยาวต้องลดลง ถ้าหนี้สินระยะยาวสูงกว่าทรัพย์สินหมุนเวียน แสดงว่าฐานะบริษัทกำลังอ่อนแอลง
อีกสูตรหนึ่ง ให้เอาตัวเลขคาดการณ์กำไรและเงินปันผลเข้ามาพิจารณาด้วย เพื่อดูการเติบโตของบริษัทนั้นเป็นอย่างไร วิธีนี้ยุ่งยากนิดหน่อย โดยสมมติว่า ถ้าบริษัทเติบโตขึ้นปีละ 12% ให้เอาไปบวกกับเงินปันผลจ่าย เช่น 3% รวมเป็น 15% แล้วหารด้วย พี/อี เรโช สมมติอยู่ที่ 10 เท่า จะได้ค่าออกมา 1.5 ถือว่าพอใช้ได้
ถ้าค่าที่ได้ออกมาต่ำกว่า 1 แสดงว่าแย่ แต่ถ้าเกิน 2 ขึ้นไปถือว่าดี ความหมายก็คือว่า หุ้นที่ดีกำไรต้องเติบโตสูงกว่าค่า พี/อี เรโช ยิ่งโตกว่าก็ยิ่งดี และถ้าเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูงก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ถ้าเจอหุ้นอย่างนี้มีโอกาสถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่
นายปีเตอร์ ลินช์ แกไม่ชอบหุ้นที่มีหนี้สินมากเกินไป แกบอกว่า น่ากลัว แกชอบหุ้นที่มีกระแสเงินสดหมุนเวียนสูง และภาระหนี้สินไม่มาก หุ้นที่ดีต้องมีกระแสเงินสดหมุนเวียนเท่ากับ 20% ของราคาหุ้น เช่น หุ้นราคา 20 ดอลลาร์ อย่างน้อยบริษัทต้องมีเงินสดประมาณหุ้นละ 4 ดอลลาร์ นี้ถือว่าดี ถ้ามีเงินสด 2 ดอลลาร์ (10%) ก็พอใช้ได้ ถ้าต่ำกว่านี้ไม่ดี
ส่วนหุ้นที่จ่ายปันผลงามกับบริษัทที่เติบโตอย่างเข้มแข็ง แกจะเลือกหุ้นที่เติบโตก่อน นายลินช์ ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าหุ้นโตช้า และยังไม่จ่ายปันผลอีก อนาคตหุ้นตัวนี้ลำบาก ถ้าเป็นหุ้นโตช้าแต่จ่ายปันผลงามทุกปี หุ้นอย่างนี้มั่นคงปลอดภัยพอสมควร
หน้าเว็บ
สวัสดี
สวัสดีทุกท่านครับ เราจะเป็นสถานที่ๆรวบรวมบทความน่าสนใจที่สร้างมุมมองที่สดใหม่ในการลงทุน เพื่อลับความคมของการลงทุนให้เฉียบ คม เพื่อสร้างพอร์ตโพลิโอไปสู่เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านครับ
วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556
เคล็ดลับวิเคราะห์หุ้น สูตร ปีเตอร์ ลินช์
เคล็ดลับ ปีเตอร์ ลินช์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น