สวัสดี

สวัสดีทุกท่านครับ เราจะเป็นสถานที่ๆรวบรวมบทความน่าสนใจที่สร้างมุมมองที่สดใหม่ในการลงทุน เพื่อลับความคมของการลงทุนให้เฉียบ คม เพื่อสร้างพอร์ตโพลิโอไปสู่เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านครับ

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คำแนะนำธรรมดาๆ เพื่อกำไรที่ไม่ธรรมดา


ในงาน TVI meeting ครั้งที่ 2 เดือนมิถุนายน ปีนี้
ผมได้เขียนบทความประกอบการสัมมนา
คิดว่าน่าจะยังมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้าง
เลยนำมาใส่ไว้ในห้องนี้ครับ เย็นดี :lol:
มี 2 บทความคือบทความนี้และ
ความเชื่อเกี่ยวกับการลงทุนในแนวทางเน้นคุณค่า (Value Investment)กับความเห็นของผู้เขียน..



คำแนะนำธรรมดาๆ เพื่อกำไรที่ไม่ธรรมดา
by ลูกอิสาน



1.การลงทุนในหุ้นไม่มีทางลัด หากนักลงทุนต้องการผลลัพธ์การลงทุนที่ดี การลงทุนศึกษาหาความรู้ ติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของกิจการเป็นสิ่งจำเป็น นักลงทุนที่ทำมากกว่า ย่อมมีแนวโน้มที่จะทำให้ดีกว่าคนที่ทำน้อย หากเปรียบเทียบผลลัพธ์กับความพยายามในแง่ความคุ้มค่า ชีวิตคนๆหนึ่งอาจใช้เวลาในการศึกษา เล่าเรียนศาสตร์ต่างๆเกือบ 20 ปี และสำเร็จออกมาเพียงเพื่อเป็นมนุษย์เงินเดือน ซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะบรรลุอิสรภาพทางการเงิน และมีเวลาที่จะทำสิ่งที่อยากจะทำ มีกำลังที่จะช่วยเหลือสังคม การมุ่งเน้นศึกษาการลงทุนในหุ้นตามแนวทางเน้นมูลค่าเพียงระยะเวลาไม่นาน และสละเวลาติดตามข่าวสาร ความก้าวหน้าของกิจการบ้าง อาจจะเปลี่ยนชีวิตคนทั้งชีวิต


2. ตัดสินใจซื้อและขายหุ้นบนพื้นฐานของกิจการ การลงทุนซื้อหรือขายหุ้นทุกครั้ง นักลงทุนควรพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของกิจการ เพราะหุ้นคือส่วนหนึ่งของเจ้าของกิจการ การวิเคราะห์หุ้นก็คือการวิเคราะห์กิจการนั่นเอง


3. สิ่งที่ยากที่สุดในการลงทุนระยะยาวในหุ้น คือการพยายามเป็นนักลงทุนที่ใช้เหตุผล ในสภาวะที่ไม่มีใครมองหาเหตุผล ความสามารถในการมองเห็นกระแส โดยที่ตัวนักลงทุนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนั้น สิ่งที่นักลงทุนควรเข้าใจคือเมื่อมนุษย์มาอยู่รวมกัน จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบคล้ายๆกันเกิดเป็นพฤติกรรมหมู่ หากเกิดมากๆเรียกว่ากระแส ซึ่งบ่อยครั้งพฤติกรรมเหล่านี้จะออกห่างจากความมีเหตุมีผลมากขึ้นทุกทีๆ นักลงทุนที่ใช้เหตุผลควรเพิกเฉยและมองหาประโยชน์จากกระแสนั้นๆ การประสบความสำเร็จในการลงทุนระยะยาวนั้น ต้องอาศัยทั้งปัญญาและสติ การขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะทำให้การลงทุนไปไม่ถึงฝั่ง


4. การลงทุนอย่างมีความสุขคือการหาจุดสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยง การมุ่งเน้นผลตอบแทนมากเกินไป อาจจะทำให้การลงทุนประสบหายนะ ในขณะที่การเน้นปกป้องความเสี่ยงมากเกินไป จะทำให้การลงทุนไม่อาจสร้างความแตกต่าง เสมือนเรือที่ลอยนิ่งอยู่กลางน้ำ


5. รู้จักตัวเอง และลงทุนให้เหมาะกับสภาพของตัวเอง นักลงทุนแต่ละคนย่อมแตกต่างกันทั้งในด้านทัศนะคติ อุปนิสัยใจคอ ความสามารถในการรับความเสี่ยง จำนวนเงินทุน ดังนั้นการรู้ตัวเอง เข้าใจตัวเอง และนำจุดแข็งมาใช้ประโยชน์ในการลงทุน จะดีกว่าการพยายามเลียนแบบการลงทุนตามนักลงทุนคนอื่นๆ ซึ่งมีสภาพที่แตกต่างออกไป ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่เน้นความปลอดภัยของเงินต้น ย่อมรับความเสี่ยงได้น้อยกว่า การลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และมั่นคงจะเป็นทางเลือกต้นๆ ในขณะที่นักลงทุนที่มีเงินลงทุนไม่มาก สามารถลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีที่มีขนาดเล็ก ในขณะที่นักลงทุนที่มีเงินทุนสูงไม่สามารถลงทุนได้


6. แรงผลักดันราคาหุ้น ประการแรกคือโดยปัจจัยพื้นฐานความก้าวหน้าของกิจการ ประการที่สองคือแรงผลักดันจากปัจจัยทางด้านอารมณ์ของนักลงทุนในตลาด การเข้าใจแรงผลักดันประเด็นแรก เพียงพอที่จะทำให้การลงทุนประสบความสำเร็จ แต่การเข้าใจทั้งสองประเด็น จะทำให้การลงทุนประสบความสำเร็จยิ่งกว่า


7. หุ้นของทุกๆกิจการมีมูลค่าที่ควรจะเป็น นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ หากซื้อหุ้นได้ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น หุ้นที่แม้จะมีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น มีการเติบโตของผลกำไรสูง หากนักลงทุนเข้าซื้อที่ราคาแพงเกินไป การลงทุนนั้นอาจจะไม่ทำกำไร แย่กว่านั้นอาจจะขาดทุน ในขณะที่หุ้นที่อาจจะมีพื้นฐานด้อยกว่า หากซื้อในราคาที่ต่ำ มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยเพียงพอ การลงทุนนั้นก็สามารถสร้างกำไรได้ พูดได้ว่าผลลัพธ์การลงทุนขึ้นอยู่กับราคาที่เราจ่ายเปรียบเทียบกับคุณภาพของกิจการที่นักลงทุนได้รับ


8.หุ้นที่ชนะในระยะยาวคือหุ้นของกิจการที่มีอัตราการเติบโตสูง และกิจการต้องมีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น การขาดอย่างใดอย่างหนึ่งจะทำให้ธุรกิจหรือราคาหุ้นไปได้ไม่ไกล ธุรกิจที่โดดเด่น มักจะขายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ลูกค้าต้องใช้ซ้ำๆ สามารถขยายฐานลูกค้าออกไปได้ ในขณะที่ลูกค้าเดิมยังคงอยู่ และคู่แข่งไม่สามารถเข้ามาแข่งขัน หรือเข้ามาได้ยาก หากนักลงทุนสามารถซื้อหุ้นกิจการเหล่านี้ได้ในราคาถูกหรือราคาสมเหตุสมผล และถือไว้ในระยะยาว การลงทุนเช่นนี้จะสร้างผลตอบแทนที่ดีเลิศ


9. ราคาหุ้นในระยะสั้นเหมือนเครื่องโหวตคะแนนเสียง แต่ราคาหุ้นในระยะยาวเสมือนเครื่องชั่ง ในระยะสั้นๆมีปัจจัยมากมายที่กระทบราคาหุ้น ทั้งข่าวสารต่างๆ ภาวะเศรษกิจ อารมณ์โลภ กลัว แรงซื้อจากรายใหญ่ แรงซื้อจากต่างชาติ ราคาหุ้นสามารถขึ้นหรือลงได้อย่างไร้เหตุผล แต่ในระยะยาวราคาหุ้นจะไปตามผลประกอบการเสมอ ผลประกอบการเป็นเสมือนมือที่มองไม่เห็นที่คอยกำหนดราคาหุ้น ความจริงที่ว่าราคาหุ้นในระยะยาวจะสะท้อนผลประกอบการเสมอ เป็นความจริงที่สมบูรณ์แบบในตลาดหุ้น


10. จังหวะในการซื้อหุ้นที่ดีที่สุดคือตอนที่มีข่าวร้ายมากที่สุด ทั้งที่พื้นฐานของธุรกิจไม่ได้เปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนทั่วไปมีแนวโน้มจะขายหุ้นเมื่อราคาลดลง และเข้าซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น เพราะนั่นทำให้นักลงทุนสบายใจมากกว่า หากซื้อหุ้นแล้วราคาลดลง นักลงทุนจะรู้สึกผิด และสงสัยว่าทำไมตลาดหรือนักลงทุนคนอื่นๆไม่คิดอย่างนั้น ด้วยความไม่แน่ใจนี้ นักลงทุนจะมีข้ออ้างต่างๆในการขายหุ้นออกไป เช่นว่า หุ้นดีทำไมราคาลง มีข่าวร้ายอะไรที่นักลงทุนยังไม่รู้หรือเปล่า ขายไปก่อนแล้วรอรับกลับที่ราคาต่ำกว่า หรือคำกล่าวที่ว่าถูกแล้วยังมีถูกอีก

และในทางตรงกันข้ามเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น นักลงทุนจะกระตือรือร้นที่จะซื้อหุ้น ด้วยข้ออ้างที่คล้ายคลึงกัน เช่น หุ้นน่าจะดี เพราะไม่ดีราคาคงไม่ขึ้น มีข่าวดีๆอะไรที่นักลงทุนยังไม่รู้หรือเปล่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้ หุ้นที่ราคาสูงขึ้น จะสูงขึ้นอีก ยิ่งซื้อราคาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นยิ่งทำให้นักลงทุนสบายใจ เพราะเข้าใจว่าการลงทุนนั้นถูกตัดสินจากตลาดว่าถูกต้อง แนวโน้มที่นักลงทุนทำการขายเมื่อราคาหุ้นถูก ซื้อเมื่อราคาหุ้นแพง อย่างนี้ จะทำให้การลงทุนล้มเหลวหรือไปได้ไม่ไกล นักลงทุนที่ดีควรทำในทางตรงกันข้าม โดยตัดสินใจซื้อและขายบนพื้นฐานของกิจการ หลีกเลี่ยงไม่ให้อารมณ์ของตลาดเข้ามามีผล ข้อควรระวังของประเด็นนี้คือ การซื้อหุ้นเพียงเพราะเห็นว่าราคาลดลง โดยไม่ได้ตรวจสอบดูว่าพื้นฐานของกิจการมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า จะเป็นอันตรายต่อการลงทุนพอๆกัน


11. มองภาพใหญ่ อย่าใส่ใจภาพเล็ก กิจการทุกกิจการย่อมมีข้อดี ข้อเด่นข้อด้อย แตกต่างกันไป ไม่มีกิจการใดที่ดีพร้อม หรือแย่ไปหมดทุกอย่าง นักลงทุนควรจะเลือกกิจการที่มีข้อเสียน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับราคา การให้ความสำคัญมากเกินไปกับข้อเสียเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร ทำให้นักลงทุนหลายๆคนพลาด ปล่อยโอกาสที่จะได้ลงทุนในกิจการที่ดีเยี่ยมหลุดลอยไป



12. พัฒนาการลงทุน เทคนิควิธีการลงทุนที่เคยใช้ได้ผลดีในวันนี้ อาจจะใช้ไม่ได้ผลดีในวันข้างหน้า วิธีที่เคยใช้ได้ผลดีในต่างประเทศ ไม่สามารถนำมาใช้ได้ผลดีภายในประเทศ ธุรกิจที่ดีในวันนี้ อาจจะไม่ใช่ธุรกิจที่ดีในเวลาต่อมา มีธุรกิจดาวร่วงก็มีธุรกิจดาวรุ่ง นักลงทุนที่ดีควรยืดหยุ่นที่จะปรับการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม กาลเวลาที่เปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือควรตัดสินใจลงทุนโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจ


13. อย่าเสี่ยงเกินตัว การกู้หนี้ยืมสินเพื่อซื้อหุ้น การทุ่มซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป แม้อาจจะให้ผลตอบแทนสูงๆติดต่อกันหลายครั้ง แต่หากเกิดความผิดพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว อาจไม่มีโอกาสแม้จะแก้ตัว แม้ความเสี่ยงสามารถลดลงได้ด้วยความรู้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่นักลงทุนคนหนึ่งๆจะมีขอบเขตความรู้ในทุกๆเรื่อง นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ การกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์หรือในจำนวนกิจการที่ลงทุนบ้าง เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรใส่ใจ


14. การลงทุนระยาวในหุ้น แน่นอนที่สุดว่าจะต้องผ่านทั้งวันคืนที่ดี วันคืนที่แย่ และวันที่แย่สุดๆ การรับรู้และเข้าใจเรื่องนี้ พร้อมที่จะรับมือกับวันร้ายๆ จะดีกว่าการพยายามที่จะหาจังหวะเข้าออกจากตลาด โดยการทำนาย ทายทัก คาดเดา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะประมาณความถูกต้อง หากการลงทุนระยะยาว สร้างความหวาดกลัววิตกว่าสักวันเหตุการณ์แย่ๆอาจจะเกิดขึ้น การมีทัศนคติที่ว่าในระยะยาวการลงทุนในหุ้นจะให้ผลตอบแทนสูงสุด จะทำให้นักลงทุนถือหุ้นระยะยาวได้อย่างมั่นคง


_________________
ขอขอบคุณพี่โจลูกอีสานมากครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=27346

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น